วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ตอนที่4 : แนะนำธุรกิจAimStar

สวัสดีครับเพื่อนๆ สบายดีกันไหม ^^ เราก็กลับมาพบกันอีกแล้วนะครับ นี่ผมก็เขียนบทความมาได้ 4ตอนแล้วนะไม่รู้ว่าเพื่อนๆจะชอบไหม เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเลยแล้วกัน ผมจะมาแนะนำเกี่ยวกับ ธุรกิจAimStar เลยนะครับ


ผมจะเกริ่นนำก่อนนะครับ
     ถ้าเราจะเริ่มต้น ทำธุรกิจเครือข่าย เราต้องเป็นผูเลือก Manufacturer หรือผู้ผลิต ที่จะมาเป็น Partner ของเราโดยเลือกจากทีละรายการ ที่จะสามารถ Outsource ขั้นตอนอื่นๆของธุระกิจได้เป็นอย่างดี และอำนวยความสดวก ในการสร้างเครือข่าย เพื่อที่เราจะได้ประสบความสำเร็จ ได้ง่ายขึ้น

และผมจะบอกถึงสิ่งสำคัญในการเลือก Partner หรือ เป็นวิธีการดูความน่าเชื่อถือของบริษัท
การเลือก Partner เบื่องต้นมี 3 ข้อ คือ

1. ข้อมูลเบื้องต้นของตัวบริษัท : ความมั่นคงของตัวบริษัท และการจัดตั้งขึ้นถูกกฎหมาย เพราะคงไม่อยากตื่นขึ้นมา แล้วพบว่าบริษัทเลิกกิจการ หรือกลายเป็นแชร์ลูกโซ่

2. แผนการจ่ายค่าตอบแทนของบริษัท : เพราะแผนการตลาดของบริษัท จะน่ำไปสู่รายได้ของธุรกิจเรา เราจำเป็นต้องรู้ว่า บริษัทจ่ายค่าการตลาดให้กับสมาชิกอย่างไร

3. สิ้นค้าของบริษัท : เราต้องรู้จักสินค้าของบริษัท และชอบสินค้าของบริษัท เพื่อให้ง่ายแก่การไปแนะนำต่อ เพื่อสร้าเครือข่ายผู้บริโภค โดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ

    และผมอยากจะบอกว่าการที่เราเข้ามาทำธุรกิจเอมสตาร์ไม่ได้เป็นลูกจ้างของบริษัท แต่คุณเข้ามาในการเป็นเจ้าของธุรกิจคนนึง

เอาล่ะครับผมจะพาคุณไปแนะนำเกี่ยวกับAimStar นะครับ


  • เอมสตาร์ เป็นบริษัทของไทย ก่อตั้งเมื่อปี 2548 หรือกว่า 8 ปี
  • ยอดจำหน่าย ในปี 2555 ประมาณ 14,526 ล้านบาท(อ้างอิงค์จาก aimstarnetwork.com)
  • ได้รับการรับร้องจากสำนักงานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
  • เข้าร่วมสมัคสมาชิก 300 บาท และต่ออายุสมาชิก ปีล่ะ 150 บาท
  • เมื่อสมัคสมาชิก จะสามารถซื้อสิ้นค้าได้ในราคาสมาชิก โดยมีส่วนสด 20-30% และในสิ้นค้าในแต่ล่ะชิ้นจะมีแต้ม เรียกว่า PV และถ้าซื้อของครบ 1,000 PV จะได้เข้าร่วมธุรกิจ และรักษายอด 300 PV ในแต่ล่ะเดือน
คณะผู้บริหาร


ม.ร.ว. วรรณาภรณ์ ศุขเนตร
ประธานบริษัท



คุณสุวิทย์ วิชชาวุธ
ประธานบริหาร



ทญ.ลพา วัชรศรีโรจน์
กรรมการผู้จัดการ




น.พ.พนินทร์ ชนเลอเกียรติ์
ผู้จัดการทั่วไป


เอมสตาร์ ใช้แผนการจ่ายค่าตอบแทนแบบ Binary - Matching หรือในเอมสตาร์ จะใช้ชื่อแผนนี้ว่า Star-Matching แผนคือ จะให้เรามีFrontline (FL) ติดตัวได้ 2 คนเท่านั้น

ส่วนที่เรา Sponsor ได้เพิ่มจะเอาไปต่อกับ Downline (DL) ของเรา เรียกว่า Placement (ซึ่งผมจะอธิบายให้เพื่อนๆดู อย่างละเอียดในตอนหน้า)


ต่อไปนะครับเป็นตัวสินค้าเด่นของAimStar


เอมสตาร์ มีสินค้า 3 กลุ่มหลักคือ อาหารเสริม(Vital Star) ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว (Asni) ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและ Body Care (Tidy Home & BodySoft)

  • อาหารเสริม : น้ำมันรำข้าว และ Protein ฯลฯ
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว : ครีมบำรุงผิว โฟมล้างหน้า ฯลฯ
  • ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและ Body Care : ครีมอาบน้ำ ผ้าขนหนู ยาสีฟัน ฯลฯ
จุดเด่นของAimStar
  • ตัวบริษัทมีความน่่าเชื่อถือ ได้รับใบรับรองจาก สคบ. และอยู่ในธุรกิจมากกว่า 7 ปี
  • สิ้นค้ามีคุณภาพระดับสูง โดยเฉพาะน้ำมันรำข้าวที่เป็นสิ้นค้าเด่นของบริษัท
  • เริ่มธุรกิจได้ง่ายเมื่อเทียยกับบริษัทอื่นที่ใช้แผน Binary เพราะต้องการยอดขายเบื้องต้นประมาณ 3,000 บาท
  • ไม่สนับสนุนให้ซื้อสินค้าในปริมาณมากๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพราะแผนการตลาด ชี้ชัดว่ายอดซื้อส่วนตัวของ Downline ที่เกิน 1,000 PV จะไม่นำมาคิดยอดให้ Upline
  • สนับสนุนให้สมาชิกเรียนรู้เกี่ยวกับสิ้นค้าของ AimStar ด้วยการให้สมาชิกที่มียอดซื้อส่วนตัว เดือนล่ะประมาณ 900 บาท ซึ่งง่ายต่อการปฏิบัติ และแก้ปัญหาเรื่อมีคนมากมาย แต่ไม่มียอด

และก็จบไปแล้วนะครับกับข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทเอมสตาร์ เป็นยังไงบ้างทำให้คุณมีพลังที่จะมารวมธุรกิจกับเราบ้างรึยัง ยังไงเราก็รอคุณติดต่อมาอยู่นะ และเราสัญญาว่าจะดูแล ดาวไลน์ทุกคนที่สมัคกับเราหวังว่าคุณจะเข้ารวมเป็นส่วนหนึ่งกับเรานะครับ ^^

ในตอนหน้าผมจะมานำเสนอเกี่ยวกับแผนธุรกิจให้เพื่อนๆได้รู้จักนะครับ



ถ้าสนใจเข้าร่วมธุรกิจก็ติดต่อตามช่่องทางด้านล่างได้เลยครับ
โทรศัพท์ : 0824978466 กอล์ฟ
E-mail : golf21412@hotmail.com
Line : carabao28
Facebook : www.facebook.com/aimstarbrand

และชอบหรือไม่ชอบตรงไหนก็คอมเมนต์ด้วยนะครับ

คำคม
ถ้าคุณคิดนอกกรอบ คุณก็จะไปสู่วันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า



วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ตอนที่3 : ทำไมทำธุระกิจเครือข่ายแล้วล้มเหลว

เป็นไงบ้างครับเพื่อนๆ อ่านบทความตอนที่1 และ 2 แล้วเป็นไงบ้างครับเข้าใจเกี่ยวกับธุระกิจกันมากน้อยแค่ไหน ^o^ วันนี้ก็มาถึงบทความ ตอนที่3 แล้วเนอะ ว่าแล้วก็เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย แต่ไม่เป็นไรเพื่อเพื่อนๆผมยอมเหนื่อย ^^! เรามาเริ่มกับตอนที่3เลยดีกว่า เดี๋ยวเพื่อนๆจะเบื่อเสียก่อน 55555

เพื่อนๆรู้มั้ยว่า คนที่ประสบความล้มเหลวในธุรกิจเครือข่ายเป็นเพราะอะไร ผมจะขอบกก่อนเลยนะว่า ธุรกิจเครื่อข่ายมันก็เป็นเหมือนธุรกิจทั่วๆไป คือต้องการคนเข้าองค์กร ต้องการขับเคลื่อนสินค้า หรือแม้แต่การขยายตลาด หลายคนที่เข้ามาทำธุรกิจเครือข่าย เข้ามาแบบไม่มีความรู้ในตัวธุรกิจ หรือเข้ามาด้วยคำชวนเชื่อผิดๆ เลยทำให้คุณประสบความล้มเหลว แล้วไปบอกต่อความเชื่อที่ผิดๆ เอาแหละครับผมจะมาพูถึงเหตุผล หลักๆเลยที่ทำให้คนส่วนใหญ่ประสบความล้มเหลว


เหตุผลหลักๆเลยนะครับเพื่อนๆ มีอยู่ด้วยกัน 4 ข้อครับ ที่ทำให้นักธุรกิจเครือข่ายล้มเหลว

มาเริ่มจากข้อที่ 1 กันเลยครับ คือ ขาดความรู้และไม่อยากเรียนรู้(ปิดใจไว้ในลิ้นชัก )
    คนส่วนมากไม่รู้ว่าธุรกิจเครือข่ายนั้น คือธุรกิจชนิดหนึ่งที่เหมือกับธุรกิจทั่วๆไป ที่มีการลงทุน ใช้สมองในการคิดเพื่อหาคนเข้าองค์กรเพื่อขับเคลื่อนสินค้า เพื่อให้คนในองค์กรมีรายได้

    การทำธุรกิจเครือข่ายที่ถูกกฎหมายให้ประสบความสำเร็จจะต้องทำอย่างจริงจัง ไม่น้อยไปกว่าธุรกิจอื่นๆ แต่หลายคนไม่รู้ด้วยว่ามันเป็นธุรกิจด้วยซ้ำ ทำเพียงเล่นๆ แต่มุ่งหวังที่จะได้เงินร่ำรวยมหาศาลแบบง่ายๆ สุดท้ายก็เลิกทำเมื่อมันไม่ได้ผล

    ในเมื่อผู้มาเข้าร่วมธุรกิจเครื่อข่ายไม่จำเป็นต้องใชวุฒการศึกษา ไม่จำเป็นต้องมีความรู้และประสบการใดๆ ถ้าหากหวังความสำเร็จจากธุรกิจนี้ ผมบอกเลยได้ว่าเพื่อนๆจะต้องศึกษาและค้นคว้าเพิ่มเติมด้วยตัวเอง ไม่เพียงเฉพาะ  อ่านคู่มือนักธุรกิจเครือข่ายเพียงอย่างเดียว ท่านต้องอ่านหนังสือ ธุรกิจเครือข่าย อบรมสัมมนา เรียนรู้เกียวกับ แผนการตลาด สิ้นค้า และนำเสนอสิ้นค้าได้


คำถาม....เพื่อนๆเข้ามาสู้ธุรกิจเครือข่ายเพื่ออะไร ? ลองถามใจตัวเองดู


ไปต่อกันข้อที่2 เลยครับ กักตุนสิ้นค้า หรือบังคับให้ผู้อื่นซื้อสินค้า

    วิธีนี้ผมว่าคนที่ประสบความล้มเหลว 90% เคยทำมาแล้ว ผมบอกได้เลยว่า วิธีนี้มันเป็นการฆ่าตัวตายในธุรกิจเครื่อข่าย เลยก็ว่าได้ เพราะผมเห็นหลายคนทำธุรกิจแนวนี้ คือกักตุนสินค้า ตื้อบังคับให้ผู้มุ่งหวังซื้ของ แล้วก็ล้มเหลวหมด เพราะมันเป็นการสร้างความหน้าเบื่อให้กับตัวเพื่อนๆ เอง เพราะการที่เอาสิ้นค้าที่ผู้มุ่งหวังไม่อยากได้ แต่ไปยัดเยียดให้กับเค้าคงก็คงไม่อยากได้

    ลองมองในมุมนี้กันดูนะครับ  ถ้ามีคนมาตื้อขายเครื่อกรองน้ำให้กับคุณ บอกกับเพื่อนๆ ว่าดีอย่างงั้นอย่างงี้ แต่เพื่อนๆบอกไม่เอา เค้าก็ยังตื้ออยู่เพื่อนๆอยู่ เพื่อนๆคงรู้สึกรำคาญใช่ไหม ?

    แต่ผมให้เพื่อนๆลองมองใหม่  ถ้าเราลองซื้อใช้เครื่องกรองน้ำแล้วมันดี เพื่อนๆก็แค่ไปบอกต่อ เพื่อนบ้าน ว่าเครื่องกรองน้ำ ที่เพื่อนๆใช้ มันดียังงั้นดีอย่างงี้ เชื่อสิครับว่าเพื่อนบ้านของเราจะเอาไปบอกต่อ แล้วเค้าก็จะเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับสิ้นค้าของเราเอง โดยที่ไม่ต้องไป ตื้อผู้มุ่งหวังให้โดนหาว่าเป็นตัวน่ารำคาญเอาด้วย

คำถาม...เพื่อนๆอยากถูคนอื่นมองว่าเป็นแมลงสาบหรือปล่าว ?

ข้อที่3 นะครับ ความเฉื่อยชาของนักธุุรกิจเครือข่าย
    นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความสำคัญส่วนใหญ่ที่ทำให้เพื่อนๆจะพบกับความล้มเหลว คือการที่เราไม่ทำงานนั่นเอง นักธุรกิจเครือข่ายหลายคนคิดว่า วิธีประสบความสำเร็จคือ ควานหาบุคคลที่จะทำงานแทนตัวเอง

    ในบางบริษัทนักธุรกิจเครือข่ายเชื่อว่า ผู้แนะนำเข้าสู่ธุรกิจจะเป็นผู้สร้างเครือข่ายให้ตัวเองด้วยซ้ำไป นักธุรกิจเครือข่ายบางรายไม่มีความกระตือรือร้นในการดำเนินธุรกิจ หรือขี้เกียจนั้นเอง เข้าต้องการผลตอบแทนหลายๆอย่าง ที่เคยได้ยินมาเกี่ยวกับธุรกิจเครือ เช่น เงินทองมหาศาล การท่องเที่ยวต่างประเทศฟรี ไม่ต้องทำงาน คำเหล่านี้มันเป็นไปได้จริง แต่คุณต้องเริ่มสร้างรากฐานก่อน ก็เหมือนการหวานเมล็ดข้าวไปบนผื้นนา มันไม่ใช่ว่ามันจะโตเลย ชาวนาต้องหมั่นดูแลมัน และรอเวลาหลายเดือนกว่าจะได้ผลผลิต การทำธุรกิจเครือข่ายก็เหมอนกัน ต้องอดทนรอคอยกับสิ่งที่มันคุ้มค่า

คำถาม...คุณว่าความสำเร็จต้องสร้างจากตัวเราหรือไม่ ?



ก็มาถึงข้อสุดท้ายแล้วนะครับพี่น้อง^^

ข้อที่4 ล้มเลิกเพราะความท้อถอย
    ธุรกิจเครือข่ายเป็ธุรกิจที่พูดได้อย่างเต็มปากว่า หากท่านทำงานมากพอ ผ่านปัญหามากพอ ท่านจะประสบความสำเร็จ ท่านไม่สามารถล้มเหลวได้ แต่ท่านสามารถเลิกได้และมันก็ง่ายสุดๆ

    นักธุรกิจเครือข่ายส่วนใหญ่ผมบอกกับเพื่อนๆได้เลยว่า ส่วนใหญ่จะเลิกทำธุรกิจใน 3 เดือนแรก เพราะประสบความล้มเหลวในธุรกิจเครือข่ายอย่างสิ้นเชิงคือ นักธุรกิจเครือข่ายโดยทั่วๆไปจะแนะนำคนเข้าธุรกิจได้เพียง 1 คนในเดือนแรก  เดือนที่ 2 ไม่ได้เลย และเดือนที่ 3 ได้แค่ 1 คน เมื่อมาถึงจุดนี้เค้าคิดว่าเค้าล้มเหลวโดยสิ้นเชิงในธุรกิจเครือข่าย และทั้ง 2 คนที่แนะะนำมาก็มีผลงานในลักษณะเดียวกัน
 
   ถ้าหากเราหยิบกระดาษและวาดเครือข่ายที่จะเกิดขึ้นตามลักษณะการทำงาน ของนักธุรกิจเครือข่ายทั่วๆไปที่คิดว่าเขากำลัง"ประสบความล้มเหลว"  ภายใน 1 ปี จะพบว่าเข้าจะมีดาวไลน์ทั้งหมด 26 คนและหากดาวไลน์ ล้มเหลวเหมือนกัน โดยสามารถแนะนำสมาชิกได้เพียง 2 คน ใน 3 เดือนแรก ถามว่าในปีที่ 2 นักธุรกิจเครือข่ายจะมีดาวไลน์กี่คน....52คน?.. ดูเหมือนว่าจะเป็นคำตอบที่ถูก แต่มันผิดอย่างแรง ลองมาดูกันว่าผิดอย่างไร

   ทำธุรกิจเครือข่าย 1 ปี จะมีดาวไลน์ 26 คน และหากทุกคน ชวนคนได้เพียง 2 คน ใน 3 เดือนแรกเหมือนกันทุกคน แต่ล่ะคนจะมีดาวไลน์ 26 คนใน 1 ปี นักธุรกิจที่คาดว่าตัวเองล้มเหลวในปีแรก จะมีดาวไลน์ 676 คน ในปีที่ 2

    แต่ชีวิตจริง ตัวเลขจะมีบวกมีลบ ไม่เป็นไปอย่างที่คำนวนแป๊ะๆหรอกครับผม แต่บทสรุปที่ผมอยากจะบอกเพื่อนๆนั้น ผมอยากจะบอกเพื่อนๆว่า ถ้าอยากเป็นนักธุรกิจเครือข่ายตัวจริง อย่างพึ่งเลิกแล้วคุณจะประสบความสำเร็จในธุรกิจครับ

คำถาม...วันนี้คุพร้อมที่จะสู้รึยัง ?


อ้างอิงจาก คุณสินชัย ศิริสุขชัยวุฒิ


แล้วก็จบไปแล้วกับในตอนที่ 3 เป็นไงครับทำให้เพื่อนๆมีมุมมองใหม่ๆกับธุรกิจเครือข่ายรึยังครับผม ในตอนหน้าผมจะมาแนะนำเกี่ยวกับ ธุรกิจเครือข่ายที่ตัวผมทำอยู่ จะเป็นอย่างไรนั้นก็ต้องติดตามนะครับ ส่วนในวันนี้ขอขอบคุณที่ ติดตามบทความของผม ยังไงก็ช่วยกันเม้นหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ




ถ้าสนใจเข้าร่วมธุรกิจหรือสอบถามติดต่อตามช่่องทางด้านล่างได้เลยครับ
โทรศัพท์ : 0824978466 กอล์ฟ
E-mail : golf21412@hotmail.com
Line : carabao28
Facebook : www.facebook.com/aimstarbrand


คำคม 
 คุณพร้อมรึยังที่จะลองคิดให้แตกต่าง


ตอนที่2 : ประวัติความเป็นมาและวิวัฒนาการของ MLM

     สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกแล้วนะครับ นี่ก็เป็นตอนที่2 แล้วนะครับ เมื่อในตอนที่แล้วผมได้เขียนบทความเกี่ยวกับความหมายของ MLM คงจะได้ความรู้กันไม่มากก็น้อยนะ ^^  เอาและครับเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราก็ไป ทำความรู้จักกับประวัติของ MLM กันเลยครับ

ประวัติความเป็นมาและวิวัฒนาการของ MLM

      ธุรกิจ MLM นั้นได้พัฒนามาจากการขายตรง ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปยาวนานพอๆกับประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ก่อนจะมีการใช้เงิน เราก็ใช้การแลกเปลี่ยนสิ้นค้าระหว่างกันโดยตรงนี่แหละครับ อย่างไรก็ดีการขายในลักษณะ ขายตรงที่เป็นแม่แบบของการขายตรงในยุคปัจจุบันนี้ เริ่มมาประมาณปี 1740 โดยสองพี่น้อง Edward และ William Pattison ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องใช้จากตะกั่ว ได้ทำการเร่ขายสินค้าไปตามบ้าน (ในลักษณะการขายตรง) โดยจะเดินทางในรถลากเล็กๆบรรทุกสินค้าไปขายให้กับผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งเรียกว่า Yankee Peddler

Yankee Peddler


ในปี 1868 เกิดบริษัทขายตรงที่ขายสินค้าเครื่องเทศตามบ้านและสินค้าอาหาร ชื่อ Watkins Company
     ปี 1855 บริษัท Southwestern Publishing Company ตั้งขึ้นเพื่อผลิตหนังสือและคัมภีร์ไบเบิล และในปี 1868 บริษัท ปรับปรุงบริษัทให้เป็นบริษัทขายตรง โดยให้นักศึกษาในมหาวิทยาลัยเข้ามาเป็นตัวแทนขาย
     ปี1886 บริษัท Avon เริ่มต้นบริษัทแบบขายตรง โดย David McConnel เขาได้เริ่มด้วยการขายคัมภีร์ไบเบิลและแถมตัวอย่างน้ำหอมไปตามบ้าน น้ำหอมที่แถมนั้นปรากฏว่าเป็นที่นิยมอย่างมาก จนเขาได้ก่อตั้งบริษัท California Perfume Company ซึ่งภายหลังเปลี่ยนเป็นชื่อ Avon ในปี 1939 จนกลายเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ New York Stock Exchange และได้พัฒนาแผนการจ่ายผลตอบแทนให้เป็น MLM ให้ที่สุด
     ระบบการขายตรงสมัยใหม่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นเมื่อปี 1906 โดย Alfred Fuller ซึ่งอยู่ที่เมือง New Britain ในมลรัฐ Colorado ได้ก่อตั้งบริษัท Fuller Brush Company ซึ่งเริ่มทำการขายตรงแบบ Door-to-door ซึ่งถือว่าเป็นการเริ่มรูปแบบการขายตรงสมัยใหม่ ภายหลังบริษัทได้ปรับปรุงแผนการตลาดของตนให้เป็นแบบ MLM แต่ก็ไม่ประสบความสพเร็จมากนัก เพราะเหล่าสมาชิกต่างมีความเป็นนักขาย (Salespeople) มากกว่าเป็นนักขยายเครือข่าย (Recruiters)
     อย่างไรก็ดีก่อนปี 1950 การขายตรงส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะ Party Plan คือการตลาดผลิตภัณฑ์โดยการจัดแสดงและเป็นเจ้าภาพในงานปาร์ตี้หรืองานทางสังคมต่างๆ โดยใช้งานสังคมต่างๆนั้นเป็นจุดแสดงและสาธิตสินค้า โดยให้ผู้ที่เข้าร่วมงานได้เห็นการสาธิตสินค้าและการทดลองสินค้าจริง แล้วก็รับรายการสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้าโดยตรง เพื่อจัดส่งสินค้าให้ต่อไป

     ในปี 1950 เป็นยุคที่การตลาดแบบขายตรงหลายชั้นหรือการตลาดแบบเครือข่ายถือกำเนิดอย่างแท้จริง เป็นยุคที่บริษัทยักษ์ใหญ่ของวงการ MLM มากมายได้ถือกำเนิดขึ้น บริษัทเหล่านี้คือ Tupperware, Shaklee, Amway และ Mary Kay




     ในปี 1945 Earl Tupper เป็นผู้บุกเบิกสินค้าที่ทำจากพลาสติกที่อ่อนตัว น้ำหนักเบา ไม่แตกหักง่าย และสามารถปิดผนึกได้อย่างมิดชิด เริ่มทำตลาดโดยการขายส่งปกติ แต่ไม่ประสบความสำเร็จนัก ในปี 1951 เขาได้เปลี่ยนมาใช้แผน Party Plan โดยการสาธิตสินค้าตามงานปาร์ตี้ และขายสินค้าแบบขายตรง และประสบความสำเร็จอย่างสูง

     ในปี 1956 Dr. Forrest Shaklee ผู้เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านสารอาหาร ทำงานร่วมกับ Casimur Funk ผู้ที่ค้นพบวิตามิน ได้ก่อตั้งบริษัท Shaklee ซึ่งเป็นผู้แนะนำวิตามินเข้าไปสู่อเมริกา และได้ก่อตั้งระบบขายตรงหลายชั้นขึ้น บริษัท Shaklee เป็นยักษ์ใหญ่ของวงการวิตามินและอาหารเสริม


     ในปี 1959 Rich Devos และ Jay Van Andel ได้ก่อตั้งบริษัทจัดจำหน่ายสินค้าที่หลากหลายโดยใช้รูปแบบ MLM หรือการตลาดขายตรงหลายชั้น ซึ่งต่อมาเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน MLM ที่เป็นที่กล่าวขวัญถึงอย่างมาก มียอดขายทั่วโลกกว่า 7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีตัวแทนจำหน่ายอิสระเป็นล้านคนทั่วโลก ปัจจุบัน Amway ถือเป็นบริษัท MLM ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในโลก


     ในปี 1963 Mary Kay Ash ซึ่งเป็นนักขายตรงจากบริษัท Stanley Home Product และบริษัทขายตรงอีกหลายบริษัท ได้ก่อตั้งบริษัท Mary Kay ซึ่งเป็นบริษัทของผู้หญิงบริษัทแรกๆของโลก Mary Kay ขายสินค้าเครื่องสำอาง ซึ่งต่อมาให้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์


     ในปี 1975 Federal Trade Commission ของสหรัฐฯ หรือ FTC ซึ่งเป็นหน่วยงานที่คุ้มครองผู้บริโภคและคุ้มครองการแข่งขันอย่างเสรี ได้ดำเนินคดีฟ้องร้องต่อศาล กล่าวหาว่า Amway ประกอบธุรกิจแบบปิระมิดที่ผิดกฎหมาย แต่หลังจากต่อสู้กันในศาลนานถึง 4 ปี ในปี 1979 ศาลสหรัฐฯ ก็ได้ตัดสินให้ Amway ชนะคดี โดยศาลได้ตัดสินให้ แผนการจ่ายค่าตอบแทนของ Amway ซึ่งเป็นการตลาดขายตรงหลายชั้นเป็นแผนการจ่ายค่าตอบแทนที่ถูกกฎหมาย ไม่ได้เป็นแบบปิระมิดซึ่งเป็นแบบที่ผิดกฎหมายสหรัฐฯ คดีดังกล่าวถึงเป็นกรณีตัวอย่างที่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมขายตรงอย่างมากที่สุดในประวัติศาสตร์เลยที่เดียว หาก Amway แพ้คดีนี้ ธุรกิจ MLM ในโลกนี้อาจไม่เกิดและเจริญเติบได้อย่างทุกวันนี้ การชนะคดีของ Amway เป็นการนำทางให้บริษัท MLM ติดตามมาอีกเป็นจำนวนมาก และแพร่กระจายไปยังส่วนต่างๆทั่วโลก


     ปัจจุบันเป็นยุคที่ MLM ได้รับการยอมรับมากขึ้นมีบริษัทจำนวนมากหันมาใช้การตลาดแบบ MLM ซึ่งเป็นช่องทางการจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพมากสามารถขยายตลาดได้อย่างรวดเร็วและมีรายได้ค่อนข้างสูง อย่างไรก็ดี ปัจจุบันก็มีบริษัทที่นำวิธีการทางการตลาดแบบ MLM ไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง ได้มีการแพร่ระบาดของระบบที่เรียกว่า Pyramids หรือปิระมิด หรือการตลาดลักษณะที่เป็นแบบลูกโซ่ มีบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในลักษณะที่หลอกลวงผู้บริโภคโดยการรับสมัครคนเข้ามาสู่ระบบ และเสียเงินเพื่อการสมัคร มากกว่าการขายสินค้า ซึ่งในบางครั้งจะทำให้เป็นระบบที่เรียกว่า การเล่นเงิน Money game ซึ่งเป็นระบบที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค


     แนวโน้ม MLM ในอนาคตจะเป็นระบบที่สามารถกระจายสินค้าจากผู้ผลิตไปสู่ผู้บริโภคอย่างยุติธรรม และมีการพัฒนาไปสู่ระบบ MLM ที่สมบูรณ์ คือมีทั้ง ผู้ผลิต ผู้กระจายสินค้า และผู้บริโภคอยู่ในระบบเดียวกัน สามารถสลับหน้าที่กันได้อย่างสมบูรณ์และยุติธรรม 

ก็จบไปแล้วนะครับสำหรับบทความของผม ตอนที่2 หวังว่าเพื่อนๆคงจะชอบนะครับ ^^ แล้วตอนหน้าจะ ผมจะเขียนบทความเกี่ยวกับ AimStar ให้เพื่อนๆอ่านนะครับ ^^


ถ้าสนใจเข้าร่วมธุรกิจก็ติดต่อตามช่่องทางด้านล่างได้เลยครับ
โทรศัพท์ : 0824978466 กอล์ฟ
E-mail : golf21412@hotmail.com
Line : carabao28
Facebook : www.facebook.com/aimstarbrand

และชอบหรือไม่ชอบตรงไหนก็คอมเมนต์ด้วยนะครับ

คำคม 
ความขยัน อดทน พยายาม 
จะนำท่านไปสู่ความสำเร็จ

ตอนที่1 : รู้จักกับธุรกิจเครื่อข่าย

ก่อนอื่นที่เราจะไปรู้จักกับธุรกิจเครือข่ายนั้น ผมแนะนำตัวเองก่อนนะครับ

ผมชื่อ เทวินทร์ พงษ์ตระกูล หรือเรียกกอล์ฟก็ได้นะครับ เป็นนักธุรกิจเครื่อข่ายเอมสตาร์ 
เบอร์ติดต่อ 082-4978466

เอาและครับและก็ถึงเวลาที่ทุกๆท่านรอคอย ว่าธุรกิจที่มีมานนานในประไทยมีทั้งคนที่สำเร็จและล้มเหลวในธุระกิจเครื่อข่าย มันคืออะไรและมีความเป็นมาอย่างไร

เรามาเริ่มจากความหมายของธุรกิจเครื่อข่าย หรือ Multi-Level Martketing(MLM) กันเลยครับ

MLM คือ การตลาดแบบหลายๆชั้น หรือที่เรียกกันว่า Network Marketing หรือ ธุรกิจเครือข่ายแบบที่คุณรู้จักแหละครับ ธุรกิจนี้เป็นหลักการทางการตลาตที่ให้ผู้คนจำนวนมากเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวการกระจายสินค้าจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภค

โดยผูที่มีส่วนร่วมในกระบวนการต่างๆนั้นจะได้รับผลตอบแทนจากกิจกรรมที่ทำ เช่นแนะนำสินค้า การแนะนำให้ผู้บริโภคอื่นๆช่วยกันขับเคลื่อนสินค้า โดยแบ่งผลตอบแทนจากการธุรกิจเป็นชั้นๆ คือ แบบว่าใครขยันก็ได้เยอะอ่ะครับผม ดั้งนั้นหน้าที่หลักคือการกระจายสินค้าจากผู้ผลิต ไปยังผูบริโภคมีตั้งแต่ การโฆษณาสิ้นค้า หาตัวแทนจำหน่าย จัดจำหน่าย การขาย การสปอนเซอร์คนเข้ามาในองค์กร โดยมีการรวมมือกัน ทำให้เกิดการขับเคลื่อนทางการตลาดให้มีศักยภาพสูง และมีความรวดเร็วในการกระจายสินค้าสินค้าสูง และเป็นธุรกิจที่มีต้นทุนในการเริ่มต่ำ เมื่อเทียบกับการลงทุนอื่นๆ
จบแล้วนัครับสำหรับ ความหมายของธุรกิจ MLM ในตอนหน้า เราจะไปทำความรู้จักกับประวัติความเป็นมาของธุรกิจ MLM กันนะครับ ^^

ถ้าสนใจเข้าร่วมธุรกิจก็ติดต่อตามช่่องทางด้านล่างได้เลยครับ
โทรศัพท์ : 0824978466 กอล์ฟ
E-mail : golf21412@hotmail.com
Line : carabao28
Facebook : www.facebook.com/aimstarbrand

และชอบหรือไม่ชอบตรงไหนก็คอมเมนต์ด้วยนะครับ

คำคม 
 ไม่มีความสำเร็จไหน 
ที่ไม่แลกมาด้วยหยาดเหงื่อ